fredag 11. desember 2015

Inspiring Stories with Lampoon Lien


สวัสดีค่ะ เรื่องราวในเดือนธันวาคมนี้ เป็นเรื่องที่ของจิตอาสาคนหนึ่ง ซึ่งสะใภ้ต่างแดนหลายๆ คนที่ชอบท่องเวปน่าจะพอได้ยินชื่อเสียงของเธอ หลายคนอาจจะได้แรงบันดาลใจในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ก็ได้นะคะ


สวัสดีค่ะ ชื่อ ลำพูน เลียน ค่ะ เพื่อนๆเรียกว่า มาย  (พ่อแม่และญาติๆเรียก 'อินาง' :) )  เป็นคนอีสาน เกิดที่จังหวัดบุรีรัมย์ พ่อแม่ประกอบอาชีพทำนา เรียนจบระดับปริญญาตรี และช่วงปี 4 ได้มีโอกาสไปฝึกงานที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ และได้มีโอกาสทำงานต่อเป็นลูกจ้างชั่วคราว (sub-contract) อยู่ประมาณ 3 ปี และลาออกมาทำกับบริษัทเทรดดิ้งแห่งหนึ่งแถวสนามบินดอนเมือง ซึ่งมีเจ้าของเป็นคนญี่ปุ่น ทำอยู่ที่นี่ประมาณ 4 ปีก็แต่งงานกับสามีชาวนอร์วีเจี้ยน และย้ายถิ่นฐานตามสามีมาอยู่นอร์เวย์ตั้งแต่ปี 2007 ค่ะ

ปัจจุบันประกอบกิจการเล็กๆ เป็นอาหารไทยแบบ Take away & Catering และส่วนหนึ่งของร้านเปิดเป็น Kiosk อยู่ข้างปั๊มน้ำมัน ที่ Malmefjorden ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆห่างจาก Molde ประมาณ 20 กม. ค่ะ

เริ่มสนใจเรื่องขายอาหารไทยตอนไหนคะ เล่าเรื่องคร่าวๆ เป็นวิทยาทานเผื่อคนที่สนใจสักนิดนึงค่ะ 
ช่วง 5-6 ปีแรกที่มาอาศัยอยู่นอร์เวย์ ได้ทำงานทำความสะอาดซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราวของคอมมูน  ต่อมาคอมมูนได้ลดงบประมาณลง จากเคยทำงาน 100% ก็ลดลงเหลือแค่ 17.5% ซึ่งก็กินเงินตกงานส่วนที่ขาดไป  ก็ได้ปรึกษาสามีว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ซึ่งก็ไม่อยากทำงานทำความสะอาดจนถึงวัยเกษียณเพราะร่างกายเริ่มรับไม่ไหวได้ชั่วโมงทำงานน้อยแต่ปริมาณงานเยอะเกินไป ไม่คุ้มค่าเดินทางด้วย



สามีเห็นว่าเราชอบทำกับข้าวเลยแนะนำให้เปิดร้านขายอาหารไทย เพราะช่วงก่อนปลายปี 2014 ยังไม่มีร้านขายอาหารไทยหลายร้านเท่าปัจจุบัน  เมื่อกลางปี 2013 สามีได้ติดต่อเช่าสถานที่เพื่อเปิดร้าน ณ เวลานั้นมีเงินในบัญชีแค่ 5 หมื่นโครน ใช้จดทะเบียนการค้าแบบบริษัท จำกัด (Aksjeselskap หรือ AS)

ด้วยทุนจดทะเบียน 3 หมื่นโครน เหลืออีก 2 หมื่นก็ไม่พอลงทุนแน่ สามีพาเข้าไปขอกู้เงินกับธนาคารแห่งหนึ่ง ตอนแรก  จนท. ธนาคารที่ให้คำปรึกษาบอกว่าจะให้กู้ยืม 4 แสนโครน แต่พอนำใบประเมินราคาทรัพย์สินในร้านไปเสนอ เขากลับคำบอกว่าให้ยืมได้แค่ 220,000 โครน เข้าบัญชีจริงแค่ 2 แสนโครน ส่วน 2 หมื่นโครนหักเป็นค่าธรรมเนียมอะไรสักอย่างนี่แหละค่ะ 

สรุปก็ยังมีเงินไม่พอที่จะทำร้าน ณ ตอนนั้นสามีก็กู้เงินมาเพิ่มให้ยังไม่ได้ เราก็กู้เงินจากสถาบันการเงินไม่ได้เพราะสถานะเหมือนคนตกงาน(เพราะกินเงินตกงานส่วนหนึ่ง) ได้ทำเรื่องขอเงินช่วยเหลือก่อตั้งกิจการจาก Næringsforum ประจำคอมมูนก็ได้มาแค่ 15,000 โครน (ตอนเข้าไปติดต่อ จนท บอกว่ามีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือมากถึง 150,000 โครน)

เงินที่รวบรวมมาก็ไม่พอติดตั้งร้าน เพราะเราต้องทำร้านเองทั้งหมดเจ้าของตึกมีแค่ห้องเปล่าๆ ให้ ต้องทำผนังครัว ติดตั้งระบบไฟฟ้า ติดตั้งระบบประปา ติดตั้งระบบระบายอากาศที่ได้มาตรฐาน (เพราะเรามีลูกจ้าง) ติดฝ้าเพดานเองซึ่งสามีเป็นคนทำให้ ผนังครัว ห้องครัว รวมถึงออกแบบครัวสามีก็จัดการให้หมด

โชคดีที่สามีรู้จักคนเยอะ จึงเจรจาขอแบ่งจ่ายค่าติดตั้งประปา ค่าติดตั้งระบบระบายอากาศ ค่าติดตั้งระบบไฟฟ้า และค่าสินค้าต่างๆช่วงตั้งร้านซึ่งสั่งจาก ASKO แบ่งจ่ายออกเป็น 2 งวด ซึ่งบริษัทต่างๆใจดีมากให้เครดิตและช่วยเหลือเป็นอย่างดี  



เงินส่วนที่กู้มาจากธนาคารก็ได้นำมาซื้ออุปกรณ์ครัวเพิ่มและซื้อวัสดุมาทำร้านส่วนหนึ่งด้วย ค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ส่วนหนึ่งก็ใช้บัตรเครดิตส่วนตัวจ่ายไปก่อน  ส่วนอุปกรณ์ครัวมือสองบางอย่างก็ได้ฟรีจากเจ้าของและพี่ชายเจ้าของตึกที่ให้เช่า ทำให้ลดงบประมาณลงไปได้เยอะทีเดียว

ก็เรียกได้ว่าทุลักทุเลมากในช่วงเปิดร้าน เพราะขาดปัจจัยสำคัญคือ "เงิน" สองคนสามีภรรยาช่วยกันทำงานที่ร้านจากช่วงหัวค่ำจนถึงตี 4 ตี 5 เกือบทุกวันเป็นระยะเวลา 1-2 เดือน แต่ในที่สุดก็ผ่านช่วงเวลายากๆ มาได้ ช่วงปีแรกผลประกอบการดีเป็นที่น่าพอใจมาก ทำให้บริษัทสามารถชำระค่าใช้จ่ายช่วงติดตั้งร้านกว่า 6 แสนโครนลงภายในระยะเวลา 6 เดือน (เจ้าของทำงานแบบไม่เอาเงินเดือนอยู่ประมาณ 4 เดือน)  ปัจจุบันทุกอย่างก็เข้าระบบบ้างแล้ว ทำงานอย่างสบายใจขึ้น มีเวลาพักผ่อนมากกว่าแต่ก่อน

ก็เรียกได้ว่าเริ่มต้นจากศูนย์จริงๆค่ะ ภูมิใจที่ตัวเองฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มาได้ เพราะความอดทนและมุ่งมั่นจึงทำให้เราเดินมาถึงจุดนี้ ถึงแม้ว่าจะยังไม่ใช่จุดที่ประสบความสำเร็จที่สูงสุดก็ตาม

พอใจกับการใช้ชีวิตที่นอร์เวย์มากน้อยแค่ไหนคะ
ค่อนข้างพอใจกับการใช้ชีวิตที่นี่ค่ะ อยู่กันสองคนกับสามีและหมาตัวใหญ่ๆอีก 6-7 ตัว ไม่มีลูกด้วยกันและไม่มีลูกติดทั้งสองคน เลยใช้เวลาส่วนใหญ่กับการทำงานทั้งคู่ ที่ชอบนอร์เวย์เพราะอากาศที่บริสุทธิ์ผู้คนเป็นมิตร สงบ ปลอดภัย  สวัสดิการรัฐหลายอย่างที่เราหาไม่ได้ในบ้านเรา ส่วนที่ไม่ชอบนักและไม่ค่อยชินก็คงเป็นช่วงหน้าหนาวที่อากาศหนาวจัดอุณภูมิติดลบและช่วงหิมะตกหนักขับรถลำบากหน่อย :) (ยิ้ม ยิ้ม)

มีเรื่องราวที่น่ารักๆ ของมายที่บริจาคผมให้ผู้ป่วยมะเร็งด้วย
เป็นคนรักผมและชอบไว้ผมยาวมาตลอดค่ะ จะตัดทิ้งก็เสียดาย แต่ไว้ยาวมากก็ลำบากในการดูแล เคยอ่านผ่านๆตามาว่ามีการรับบริจาคเส้นผมเพื่อนำไปทำวิกผมให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ รพ. จุฬาภรณ์ ก็เลยค้นหาที่อยู่และส่ง EMS ไปบริจาคค่ะ



รู้สึกยังไงบ้างคะตอนที่ช่างกำลังตัดผมที่ไว้มาหลายปี ยาวสลวยสวยงาม 
ตอนตัดไม่รู้สึกเสียดายค่ะเพราะรู้ว่าเราไม่ได้ตัดทิ้ง แต่เรากำลังจะช่วยให้ผู้ป่วยที่เขาต้องการใช้ผมเรา ก็เลยไม่เสียดายแต่รู้สึกปลื้มใจมากกว่าที่ผมเรามีประโยชน์ต่อคนอื่น  

จำวันที่ตัดบริจาคครั้งแรกได้ดีเลยค่ะ เจ้าของผมไม่รู้สึกเสียดายผมที่กำลังจะถูกตัด แต่ช่างตัดผมถามแล้วถามอีกว่าแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะตัด ก็ตอบอย่างมั่นใจว่า "มั่นใจค่ะ ตัดเลย คุณก็จะได้มีส่วนร่วมในการทำบุญกับเราด้วย" วันนั้นตัดออกสั้นมากเหลือแค่ไหล่ รู้สึกเบาหัวมากค่ะ  และตั้งใจว่าจะบริจาคเส้นผมตัวเองตลอดไปถ้าเส้นผมยังมีสุขภาพผมดีพอที่จะบริจาคได้ค่ะ


มีคำแนะนำอะไรสำหรับเพื่อนๆ ที่อยากจะบริจาคผมบ้างคะ
 ถ้าใครอยากบริจาคเส้นผมทำวิกช่วยผู้ป่วยโรคมะเร็ง ให้ดูแลและรักษาสภาพเส้นผมให้ดี อย่าทำสีหรือใช้สารเคมีเพราะไม่งั้นจะใช้ทำวิกให้ผู้ป่วยไม่ได้ ถ้าใครอยากบริจาคลองเช็คข้อมูลในกูเกิ้ลนะคะ เขาจะมีเปิดรับบริจาคเป็นช่วงๆ ถ้าช่วงไหนมีคนบริจาคเยอะแล้วเขาก็มีช่วงปิดรับเหมือนกันค่ะ

เรื่องที่หลายคนอาจจะสงสัย รวมทั้งพี่ด้วย คือ มาย เป็นคนที่มีข้อมูลของเรื่องต่างๆ เยอะมาก ทั้งเรื่องกฎหมายอีกสารพัด มีคนตั้งคำถาม มายก็จะเข้ามาตอบ เป็นมาเป็นไปยังไงคะ
จุดเริ่มต้นเลยคือมีว่าที่สามีเป็นคนนอร์เวย์ สารภาพตามตรงเลยค่ะว่าไม่รู้จักประเทศนอร์เวย์และอุปนิสัยใจคอของคนประเทศนี้เลย ก็เลยเริ่มเข้ากูเกิ้ลค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศนี้ พออ่านๆไปก็เกิดความสนใจและค้นหาข้อมูลเพิ่มมากขึ้นค่ะ 

ในตอนนั้นค้นไปเจอเวปไซท์หนึ่งที่สาวไทยและหนุ่มไทยมีแฟนและสามีชาวต่างชาติรวมถึงคนที่ใช้ชีวิตต่างแดนร่วมกันแบ่งปันข้อมูลกันอยู่ เลยเข้าไปอ่านและพอมีประสบการณ์บ้างก็ร่วมแบ่งปันและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคนใหม่ๆที่เข้ามาค่ะ เลยนั่นคือจุดเริ่มต้นของการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับประเทศนอร์เวย์กับเพื่อนๆคนไทยมาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ บางครั้งก็งงตัวเองเหมือนกันว่าทำไมมานั่งตอบข้อมูลคนอื่นได้ทุกวันนะ แต่ก็สังเกตุตัวเองว่าเวลามีคนมาโพสต์ถามอะไร ถ้าเราไม่รู้เราก็อยากรู้ อยากได้คำตอบเหมือนกัน เลยเป็นที่มาของการค้นข้อมูลมาตอบ ทำมาเรื่อยๆจนติดเป็นนิสัยและกลายเป็น "จิตอาสา" ไปแล้วค่ะ

แหล่งของข้อมูลละคะมาจากไหนบ้าง
ข้อมูลส่วนใหญ่ก็ค้นคว้ามาจากห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลกค่ะ นั่นก็คือ "กูเกิ้ล" ฮ่าๆๆ อยากรู้อะไรให้ถามกูเกิ้ล ถ้ารู้จักใช้คำในการค้นคว้า ไม่ว่าจะภาษาไทย อังกฤษ หรือนอร์วีเจี้ยนก็ตาม เราก็จะได้คำตอบมากมาย หนังสือก็มีประโยชน์แต่บางเรื่องอาจจะไม่อัพเดทตามกาลเวลานัก ประสบการณ์ตัวเองก็สามารถนำไปแบ่งปันข้อมูลหรือให้คำแนะนำคนอื่นได้มากทีเดียวค่ะ

คาดหวังไหมคะว่าคนที่เราให้ข้อมูลไปเขาจะนำไปใช้
ก็หวังว่าทุกคนที่ได้ข้อมูลไปจะนำไปพิจารณาและนำไปใช้ประโยชน์ให้ตรงกับความต้องการของตัวเองค่ะ บางครั้งข้อมูลที่เราให้ไปอาจจะไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด ถ้าจะหาจากแหล่งข้อมูลอื่นมาเปรียบเทียบด้วยก็จะดีทีเดียวค่ะ มีหลายเรื่องที่ เจ้าหน้าที่ในแต่ละเมืองหรือคอมมูนพิจารณาไม่เหมือนกัน ถ้าต้องการความแน่นอนต้องติดต่อหน่วยงานนั้นๆ เพื่อยืนยันคำตอบอีกทีจะดีมาก

มายมีจุดเปลี่ยนแปลงของชีวิตอะไรบ้างคะ

จุดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตก็จะมีหลายครั้งนะคะ ครั้งแรกก็ตอนที่ได้มีโอกาสได้เรียนต่อระดับมัธยมศึกษาตอนปลายค่ะ ตอนแรกเกือบไม่ได้เรียนต่อเพราะฐานะทางบ้านไม่ดี พ่อกลัวจะไม่มีเงินส่งเรียน แต่โชคดีที่น้าชาย(น้องชายแม่) ที่รับราชการทหารอยู่ที่จังหวัดทหารบกสระบุรี และน้าสะใภ้รับมาอยู่ด้วย และน้าๆได้ช่วยพ่อกับแม่ส่งเรียนจนจบชั้น ม. ปลาย และทำให้มีโอกาสเรียนต่อจนจบระดับปริญญาตรีจนมีงานทำ นึกย้อนไปว่าถ้าไม่ได้เรียนต่อในวันนั้น เราคงไม่ได้มีโอกาสได้ทำงานดีๆ ได้เจอคนดีๆและมีสังคมที่กว้างขึ้นแบบปัจจุบันนี้

จุดเปลี่ยนแปลงอีกครั้งก็คือได้พบรักกับสามี ทำให้เราได้มาใช้ชีวิตในต่างแดน ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตอีกแบบและได้ประสบการณ์แปลกใหม่มากมาย อะไรที่ไม่เคยทำในเมืองไทยก็ได้ทำ ทำให้เรามีรายได้มากพอที่ส่งไปเลี้ยงดูพ่อแม่ที่เมืองไทย ทำให้พ่อแม่ภูมิใจและมีความสุขกายสุขใจมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

ชีวิตมีขึ้นมีลงเน๊าะ ช่วงขาลงบอกกับตัวเองยังไงบ้างคะ
เวลาเหนื่อยหรือท้อ จะนึกถึงหน้าพ่อกับแม่ค่ะ พ่อแม่มีลูก 3 คน เราเป็นลูกคนโตและเป็นลูกสาวคนเดียวในบ้าน เป็นที่พึ่งหลักของพ่อกับแม่ ดังนั้นถ้าเราอยากให้พ่อแม่เราอยู่ดีกินดีมีความสุขเราก็ท้อไม่ได้ นึกเสมอว่า ความสุขของพ่อแม่คือความสุขของเรา ตอนเรียนหนังสือพ่อแม่ลำบากมากเพื่อหาเงินส่งให้เราเรียนจนจบมหาวิทยาลัย ดังนั้นทุกครั้งที่รู้สึกเหนื่อยและท้อพ่อแม่คือยาวิเศษย์ที่ทำให้เรามีแรงสู้ต่อไป

ทัศนคติในการใช้ชีวิต
 - ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ต่อผู้อื่นและต่ออาชีพที่เราทำ แล้วจะทำให้เราไม่มีเรื่องกังวลใจหรือมีความหวาดระแวงใดๆ
-  พยายามทำความดีให้มากและทำชั่วให้น้อยที่สุด (ถ้าทำได้)
-  อุปสรรคที่เข้ามาแต่ละวัน ถือว่าเป็นบททดสอบการใช้ชีวิของเรา เราต้องผ่านมันไปให้ได้
-  ถ้าเราขยัน อดทน เราก็ไม่อดตาย




มาถึงสิ่งที่มายภูมิใจดีกว่า เป็นเรื่องอะไรคะ

 สิ่งที่ภูมิใจที่สุดที่ได้ทำแล้วก็คือจบการศึกษาด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 ซึ่งทำให้พ่อแม่ภูมิใจมาก และการที่ได้ทำให้พ่อแม่มีความสุข มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

อะไรคือการพักผ่อนสำหรับมาย
การพักผ่อนที่ดีที่สุดคือการได้มีเวลาว่างจากการทำงาน ได้ไปเที่ยวพักผ่อนกับสามีค่ะ แต่ปัจจุบันก็หาเวลาพักผ่อนค่อนข้างยากเพราะต้องดูแลร้านเอง ทำงานเสร็จหลังเที่ยงคืนก็บ่อยๆ เมื่อกลับถึงบ้านคือเวลาพักผ่อน นอนบนโซฟาพร้อมไอแพดอันหนึ่งค้นข้อมูลและตอบคำถามเพื่อนๆที่ถามมาทางข้อความและตามเพจ นี่ก็คือการพักผ่อนอีกแบบค่ะ :)

ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมามีคนกี่คนเข้ามาในชีวิตเราบ้าง ที่ให้เราได้เรียนรู้ ได้ข้อคิด
ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาแทบจะไม่ได้พบเจอใครใหม่ๆ นอกจากลูกค้าที่ร้านค่ะ ตั้งแต่เปิดร้านมาได้พบเจอลูกค้าหลากหลายนิสัยใจคอ ได้เรียนรู้ว่าคนนอร์ชส่วนหนึ่งแพ้ส่วนผสมในอาหาร พวกแป้ง หัวหอม ถั่ว เป็นต้น ไม่ค่อยเจอในลูกค้าคนไทยที่บ้านเรานะ คนนอร์ชส่วนหนึ่งไม่ชอบลองทานอาหารแปลกๆ ใหม่ๆ ทานแต่เมนูเดิมๆ อาจกลัวว่าซื้อเมนูใหม่ๆ ไปแล้วไม่อร่อยมั้งคะ



งานอดิเรก
กิจกรรมพิเศษช่วงนี้ไม่ค่อยได้ทำค่ะเพราะทำงานแทบทุกวัน แต่ก่อนชอบตามสามีไปงานประกวดหมาในเมืองต่างๆของนอร์เวย์ บางครั้งก็ได้ช่วงสามีจูงหมาโชว์ในสนามด้วยเพราะบางทีหมาที่เอาไปหลายตัว ชนะเกือบทุกตัวต้องหาคนช่วงจูงในโชว์ด้วย

Idol คนต้นแบบ
Idol ที่ยึดเป็นต้นแบบคือในหลวงของเราค่ะ บั้นปลายชีวิตอยากทำเกษตรแบบพอเพียงแบบในหลวงที่ได้พระราชทานแนวทางไว้

Idol อีกคนคือแม่ค่ะ แม่เป็นคนอดทน ขยันและรักและห่วงลูกๆมาก ตอนนี้แม่อายุก็มากแล้วแต่แม่ยังไม่ยอมหยุดทำงานเลย ก็อยากมีความอดทนและขยันเหมือนแม่

อะไรที่เราบอกตัวเองว่า ฉันจะไม่ทำมันเด็ดขาด
สิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำคือ เสพย์ยาเสพย์ติด เสพย์ของมืนเมาเพราะมันทำให้ขาดสติ ทำลายชีวิตและอนาคตค่ะ


สิ่งที่อยากทำ

สิ่งที่ตั้งใจอยากทำแต่ยังไม่ได้ทำคือ อยากให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่เรียนดีแต่ยากจน ตอนที่เรียนอยู่ระดับ ม. ปลาย ที่โรงเรียน สระบุรีวิทยาคม จ.สระบุรี เคยได้รับคัดเลือกให้เข้ารับทุนเรียนดีแต่ยากจน ตอนนั้นดีใจมากค่ะใช้เงินทุกบาทอย่างคุ้มค่าเลย เป็นจุดที่ทำให้เรามีความคิดว่า ถ้าสักวันหนึ่งถ้าเรามีเงินมากพอ เราจะมอบทุนให้กับนักเรียนที่เรียนดีแต่ยากจนบ้าง ตอนนี้ความฝันก็ใกล้จะเป็นความจริงแล้วค่ะ

อีกอย่างที่อยากทำคือถ้าวันหนึ่งมีมีเวลาว่างแล้วและมีเงินพอเลี้ยงตัวเองไม่เดือดร้อน  อยากเป็นอาสาสมัครกับมูลนิธิที่เข้าไปช่วยเหลือคน เช่น มูลนิธิกระจกเงา ไม่ได้คิดจะทำแบบ 100% แต่ถ้ามีเวลาก็จะขอเป็นอาสาสมัครค่ะ รอดูว่าความฝันนี้จะเป็นจริงไหม ต้องทำงานเก็บเงินให้เลี้ยงตัวเองและครอบครัวไปก่อนก่อนที่จะไปช่วยคนอื่นได้

คำถามที่มายถามตัวเองบ่อยๆ 
โดยปกติจะนึกถึงความรู้สึกคนอื่นก่อนตัวเอง บางครั้งก็ลืมทำอะไรเพื่อตัวเอง ก็เคยถามตัวเอง(ในใจ)อยู่บ่อยๆว่าเราทำอะไรเพื่อตัวเองมากพอหรือยัง
อยากบอกอะไรกับคนที่กำลังอ่านเรื่องของเราอยู่คะ
อยากให้ทุกคนที่ได้อ่านมีกำลังใจในการสู้ชีวิต ถ้าเราท้อก็ให้พยายามนึกถึงคนที่เรารักที่สุดหรือคนที่เราอยากให้เขามีความสุข ที่สุด นึกถึงอนาคตที่เราอยากให้เป็น แล้วเราจะมีกำลังสู้ต่อไปค่ะ คนเราเกิดมาต้นทุนชีวิตไม่เท่ากัน พยายามอย่าเอาตัวเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่เหนือกว่าเราเพราะมันจะทำให้เราท้อและไม่มีกำลังใจ  บางคนผ่านชีวิตผ่านปัญหาหรืออุปสรรคมาเยอะจนกว่าเขาจะมายืนตรงจุดที่เราเห็นได้  ดังนั้นชีวิตเรากับชีวิตเขาย่อมต่างกัน

อยากฟังเรื่องราวของใครเป็นพิเศษไหมคะ
ทุกคนมีเรื่องราวชีวิตที่น่าติดตามทั้งหมดค่ะ ขอเป็นแฟนคลับเพจ Inspiring Stories Worldwide และติดตามอ่านเรื่องราวของทุกคนที่แอดมินจะนำมาลงนะคะ

ต้องขอขอบคุณแอดมินพี่ชุณห์ที่ให้เกียรติมายได้มาเล่าเรื่องราวชีวิตธรรมดาๆ ของตัวเองให้เพื่อนๆ ได้อ่าน



ขอบคุณน้องมายด้วยค่ะที่สละเวลามาเล่าเรื่องราวที่น่ารัก น่าสนใจให้เราได้อ่านกัน  ขอให้กิจการรุ่งเรื่องและได้ทำในสิ่งที่อยากจะทำเร็วๆ นี้ค่ะ 

torsdag 5. november 2015

Songkran's Story


สวัสดีค่ะรบกวนแนะนำตัวนิดนึงค่ะ
สวัสดีค่ะ ชื่อ สงกรานต์ ประทุมรัตน์ ชื่อเล่น กานต์ (คนในครอบครัวและเพื่อนสนิทจะชอบเรียกว่า หมู ) เป็นลูกอีสานโดยกำเนิดคุณพ่อคุณมาเป็นคนอีสาน 100%  

เกิดที่จังหวัดอุดรธานีและเติบโตที่นั่นและได้ใช้ชีวิตช่วงวัยเด็กในวิถีบ้านนอกชนบทเหมือนเด็กคนอื่นทั่วไป จนอายุได้ 12 ปี เรียนจบชั้นประถมศึกษา อยากจะเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาเพราะการเรียนดีมาตลอดและที่สำคัญเราได้ทุนไปเรียนต่อด้วย 

แต่ทางครอบครัวไม่เห็นด้วยและคิดว่าไม่จำเป็นที่ลูกสาวจะต้องศึกษาเล่าเรียนต่อระดับการเรียนสูงๆ เพราะทางครอบครัวบอกว่าเรียนสูงขนาดไหนมาก็ต้องแต่งงานและมีครอบครัวอยู่ดีมันไม่ได้เอามาใช้หรอก (ความคิดของคนเฒ่าคนแก่สมัยนั้นๆ

เกิดอาการน้อยใจเป็นอย่างมากในตอนนั้นเพราะเราเกิดเป็นลูกผู้หญิง...แต่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคที่เกิดขึ้นและได้คิดที่จะหาวิธีการต่างๆเพื่อจะได้ไปเรียนอะไรก็ได้ที่นอกเหนือจากการทำนา 

สรุปว่าได้ไปเรียนการเย็บผ้าและทำนาด้วย ..(การที่เป็นชาวไร่ชาวนาไม่ใช่ไม่ดีนะ ดีมาก...แต่ขอไปเรียนเอาความรู้และการพัฒนาตัวเองก่อนตอนนั้นคิดอย่างนี้จริงๆเพราะว่าโลกใบนี้มันหมุนไปเรื่อยๆรอบตัวของเรา)

ในช่วงวัยเด็กใช้ชีวิตที่ชนบท .ช่วงวัยรุ่น พอย่างเข้าอายุ17 ปี ก็ได้เข้าใช้ชีวิตอยู่เมืองกรุงโดยการเริ่มทำงานเป็นสาวโรงงานแต่มันไม่ง่ายเลยจริงๆกับการที่วุฒิการศึกษามัธยมต้น ม.3 เดินสมัครงานและสัมภาษณ์งานอยู่เกือบเดือน เพราะว่าเราไม่มีประสบการณ์การทำงานที่ไหนมาก่อนเค้าเลยไม่รับ อายุน้อยบ้าง 

...แต่ยังพอมีหวังได้งานเป็นบริษัทของญี่ปุ่นแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี ทำงานวันจันทร์ ถึงวันศุกร์ 8-12 ชม.ต่อวัน  หยุดวันเสาร์-อาทิตย์ ..สิ่งแวดล้อมของคนเมืองกรุงมันน่ากลัวมากสำหรับเรา..แต่เราจะต้องปรัปตัวและความคิดใหม่เพื่ออนาคตในวันข้างหน้า และใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท เราต้องอยู่ได้ ในสังคมเช่นนี้ ..ประสบการณ์ชีวิตในเมืองกรุงทำให้เราพัฒนาความรู้ความสามารถและตัวเองอยู่เสมอเพื่อให้ทันยุคสมัยตามเหตุตามปัจจัยของโลกใบนี้ ..

กานต์ได้เดินทางมาเยี่ยมแฟนครั้งแรกที่ประเทศนอร์เวย์ ในช่วงฤดูร้อนปี 2005 ประทับใจในหลายๆอย่าง และชอบภูมิประเทศสวยอากาศดี ...

ขณะนี้พำนักอยู่ในประเทศนอร์เวย์ ตั้งแต่ปี 2006 และปัจจุบันได้ทำงานในตำแหน่ง ผู้ช่วยพยาบาล ในบ้านพักคนชราที่ป่วย แห่งหนึ่งใน Sarpsborg Kommune
  


ชีวิตในนอร์เวย์เป็นยังไงบ้างคะ 
เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นอร์เวย์ จากความเป็นศูนย์เลยค่ะ ทั้งการเรียนภาษา การเรียนขับรถ  การทำงาน ทำหน้าที่ภรรยาและแม่เลี้ยง ลูกสาว 2 คนที่กำลังย่างเข้าสู่ช่วงของวัยรุ่น 

เป็นความรับผิดที่สูงมากสำหรับเราในตอนนั้น เพราะไม่เคยมีลูกมาก่อน ..แต่เราดูแลลูกสาวทั้ง2 คน เหมือนเราเป็นเพื่อนกันมากกว่าและเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและเป็นการดีที่เราจะพูดคุยได้ทุกเรื่อง...เพราะการวางตัวเป็นแม่เลี้ยงมันมีช่วงความสัมพันธ์และระยะห่างกันมาก.. 

ที่นอร์เวย์จะต้องต่อสู้กับความหนาวของอากาศและการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลต่างๆแต่ก็เป็นเสน่ห์และลักษณะพิเศษอีกอย่างของแต่ละฤดูกาล  ฤดูหนาวก็จะมีหิมะที่มีสีขาวเหมือนปุยฝ้าย  ฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูการแห่งการเริ่มต้นของต้นไม้ดอกไม้ต่างๆ เริ่มผลิใบกิ่งก้าน ฤดูร้อนเป็นฤดูแห่งแสงสว่างที่วิเศษสุดๆของผู้คนที่นี่เลยล่ะ ฤดูใบไม้ร่วงเป็นช่วงของอากาศเริ่มเย็นตัวลงเรื่อยๆใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีดูแปลกตาและสวยงาม

..โดยความคิดเห็นส่วนตัวแล้วคิดว่าการมาอยู่ที่ประเทศนอร์เวย์มันคือการทดสอบตัวเอง และเป็นการท้าทายความสามารถของตนเองเป็นอย่างมากและน่าค้นหา...ได้ก็รู้จักกับคำว่า อดทนที่สุด ท้อแท้ที่สุด และเหนื่อยที่สุด จนกว่าเราจะผ่านด่านทดสอบทั้งด้านร่างกายและจิตใจระดับขั้นหินได้เลยก็ว่าได้ค่ะ แต่โดยรวมแล้วชอบประเทศนอร์เวย์มากค่ะ เพราะอากาศดีสงบผู้คนจิตใจดีเอื้อเฟื้อแผ่และมีจิตเมตตาสงสารต่อผู้อื่น ได้มีโอกาสทำในสิ่งที่เราอยากทำได้อยู่กับตัวเองและได้ค้นพบกับสิ่งที่เราต้องการจริงๆในชีวิตของเรา..




มีเหตุเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตด้วย
ค่ะคือตอนที่ป่วยหนักเป็นโรคไตวายฉับพลัน..และบวกกับการแยกทางกับสามี และต้องไปเข้ารับการฟอกไตฟอกเลือดเป็นประจำเป็นระยะเวลา 3 ปี 

เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นอย่างไม่เคยคิดมาก่อนเลยและไม่เคยคาดหวังเลยว่ามันจะเกิดกับตัวเราเอง. และเป็นจุดที่ทำให้เราต้องมีสติและต้องเข็มแข็งที่สำคัญต้องดูแลตนเองเป็นพิเศษ..

ชีวิตได้พบกับทางแสงสว่างแห่งธรรมในการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ใน ณ ตอนนั้น ได้เรียนรู้และยอมรับกับสัจธรรมที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกคนว่าไม่มีใครบนโลกใบนี้หลบหลีกหรือหนีไปจากความตายไม่ได้เลยสักคน มันจะต้องเกิดขึ้นกับทุกๆคน แม้ตัวของเราเองก็เช่นกัน..เพียงจะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง ความตายอยู่ใกล้แค่ปลายจมูกและติดตามตัวเราทุกวินาที 

กานต์ได้ย้อนกลับไปพิจารณากับทุกเหตุการที่เกิดขึ้นมาในชีวิตว่าเราทำอะไรไปบ้าง และก็ได้คำตอบในหัวว่าเราไม่เคยรักและไม่เคยคิดถึงตัวเองเลยตลอดเวลาที่ผ่านมา ทำเพื่อคนอื่นมาตลอดจนลืมคิดไปว่า ถ้าวันหนึ่งตัวเราเองไม่อยู่หรือหายปพวกเค้าจะทำอย่างไรกัน..การที่เราทำเพื่อคนอื่นและคิดแทนพวกเค้าต่างๆมันไม่เป็นผลดีเลย

 ...จนมาถึงวันหนึ่งวันที่ตัวเราไม่สามารถช่วยเหลือใครได้เลยแม้กระทั่งตัวเองก็ไม่สามารถช่วยได้เลย ผลของการรักตัวเองไม่เป็นก็คือมันทำให้คนในครอบครัวลำบากใจและเป็นทุกข์เป็นกังวลมาก

ที่น้องกานต์ไตวายฉับพลัน และต้องเปลียนไตสาเหตุมาจากอะไรคะ
ต้องเปลียนไตเพราะว่าไตทั้ง 2 ข้างถูกทำลายไปอย่างฉับพลันเพราะสารพิษของเห็ดแชมปิญองป่า ( Slørsopp )  ในประเทศนอร์เวย์ ที่ละอองของเห็ดได้เข้าไปทำลายเซลล์และเนื้อเยื่อของอวัยวะภายในของร่างกายและไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป... มีการให้เลือดเพิ่มทุกเดือนและการฉีดยาเพิ่มเลือดวันเว้นวัน


มันเกิดขึ้นได้ยังไงคะ
ขออนุญาตเล่าเรื่องเลยแล้วกันนะ เป็นคนที่ชอบธรรมชาติเป็นทุนอยู่แล้วชอบเดินชมป่าชมเขา วันหยุดขอให้ได้เข้าป่าจะมีความสุขมาก หน้าฤดูเห็ดเข้าป่ามีเหรอจะไม่เก็บเห็ด?  มีอยู่มาวันหนึ่งไปเก็บเห็ดและจะเก็บเฉพาะเห็ดที่เราเคยเก็บ เพราะก่อนหน้านี้ที่จะไปเก็บเห็ดเราได้ศึกษาหาความรู้ที่เกี่ยวกับเรื่องเห็ดต่างๆ ได้อ่านหนังสือ และดูรูปเห็ดต่างๆ ที่เป็นพิษและไม่เป็นพิษ... เราเก็บเฉพาะเห็ดสีเหลือง ..ที่กินได้  ( Kantarellsopp ) และเป็นเห็ดชนิดนี้อย่างเดียวเท่านั้น ชนิดอื่นไม่กล้าเก็บค่ะ ได้เห็ดแล้วเราก็นำมาความสะอาดเพื่อจะเอาไปทำอาหาร 



..แต่วันนั้นรู้สึกเหนื่อยและเพลียมากผิดแปลกกว่าวันอื่นๆ(อาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยได้พักผ่อนมั้งเลยทำให้เพลียง่าย  แต่เราเป็นคนที่ออกกำลังเป็นประจำ คือ ว่ายน้ำ เข้าฟิตเนส และซ้อมชกมวย ก็ไม่เคยรู้สึกว่าเหนื่อยอย่างนี้เลย)  จึงไม่ได้เอาเห็ดไปปรุงเป็นอาหารแค่นำไปเข้าตู้เย็นแช่ช่องแข็งเท่านั้น... 

หลังจากวันนั้นมาก็เริ่มมีอาการคลื่นไส้ทุกตอนเช้าเหนื่อยและเพลียง่ายกว่าปกติทานอาหารไม่ค่อยได้ มีอาการปวดหัวตัวร้อนปกติ และทานยาพาราเซตามอลแล้วก็ดีอาการดีขึ้น ไปทำงานได้อย่างเดิมตามปกติ  

อาการลักษณะนี้เป็นอยู่ 2 อาทิตย์ เข้าอาทิตย์ที่3 เราอาการไม่ดีขึ้นร่างกายเริ่มที่จะไม่ไหวแล้วทานอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาหมด   วันศุกร์ได้ไปพบแพทย์ประจำตัว และได้ตรวจสุขภาพก็ไม่พบสาเหตุใดๆ...หมอได้แค่ฉีดยาแก้อาเจียนให้เท่านั้นแต่ฤทธิ์ของยาไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะเราก็อาเจียนเป็นระยะทั้งนั่งและนอนอุ้มถังขยะแล้วตอนนั้น 



หมอถามประจำเดือนมาครบทุกเดือนมั๊ยมีครบทุกเดือนนะค่ะ เราตอบ..แต่อาการอย่างนี้มันเหมือนอาการของคนแพ้ท้องนะคุณพยาบาลกล่าว!! หมอให้กลับไปนอนพักผ่อนที่บ้านและให้ยาพาราเซมอลมาอีกและถ้าอาการไม่ดีขึ้นวันจันทร์ให้มาหาหมอใหม่อีกครั้ง แต่เราบอกกับหมอว่าถ้าให้เราไปพักที่บ้านเราคงจะตายนะเพราะเราไม่ไหวแล้ว เราเหนื่อยมากอาเจียนและทานอะไรไม่ได้เลย... 

ท้ายที่สุดก็ต้องไปพักผ่อนที่บ้านตามที่คุณหมอแนะนำ ..กลับมาพักที่บ้านตอนนี้ล่ะเราคลานเข้าห้องน้ำเลยเดินไม่ไหวล่ะ มันทรมานที่สุด บ่ายโมงของวันเสาร์เราทนไม่ไหวล่ะที่จะต้องรอให้ถึงเช้าของวันจันทร์ ให้สามีพาไปที่Legevakt รอคิวนานมากประมาณ 2 ชม.จนเราไม่สามารถนั่งได้อีกต่อไปแล้ว จึงบอกสามีว่าเราหายใจไม่ออกและหูอื้อ สายตาเริ่มพล่า คุณพยาบาลเลยให้เข้านอนรอในห้องคนป่วยเพื่อที่จะรอให้คุณหมอมาตรวจ 

คุณพยาบาลเข้ามาเพื่อที่จะเจาะเลือดแต่ตอนนั้นปลายนิ้วมือไม่มีเลือดออกมาเลยทั้งกดทั้งบีบจนมือเขียวออกมาได้นิดเดียวแต่พอกับปริมาณที่สามารถตรวจได้ เราเริ่มตัวเย็นและรู้สึกชาไปทั้งร่างกายปากและลิ้นเริ่มแข็ง คุณพยาบาลเอาแก้วมาให้เพื่อจะเอาปัสสาวะไปตรวจแต่ว่าเราฉี่ไม่ออกทั้งที่เราพยายามแล้วมันก็ไม่ออกมา...  

นอนรอผลของเลือดประมาณ 20 นาทีปรากฏว่าผลตรวจของเลือดออกมาผิดปกติเป็นอย่างมากและเลือดข้นจนน่าเป็นห่วง และจะต้องส่งตัวเข้าไปที่โรงพยาบาลใหญ่คือที่ Fredrikstad Sykehusetโดยด่วนที่สุด คือตอนนั้นเราเริ่มสื่อสารไม่รู้เรื่องล่ะ ปากกับลิ้นเริ่มที่จะไม่ขยับพูดไม่ได้ ขายืนทรงตัวไม่ไหว และจำเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายที่ตอนนั้นได้ว่าสามีอุ้มไปขึ้นรถส่วนตัวไปเพื่อที่จะไปโรงพยาบาล Fredrikstad แล้วเราก็หมดสติไปเลย

สลบไปเป็นเวลา 3 วัน ตื่นฟื้นมาอีกทีก็เราแทบจะไม่เชื่อสายตาตนเองเลยคนที่อยู่ในกระจกบานนั้นมันคือเรา ตัวใหญ่มาก จากน้ำหนักตัว 48 กิโลกรัม เพียงแค่หลับไป 3 วัน น้ำหนักตัวพุ่งขึ้นไปที่ 70 กิโลกรัม และ เห็นเครื่องมือทางการแพทย์ติดเชื่อมตามร่างกายเต็มไปหมด ..มีพยาบาลเฝ้าดูแลตลอด 24 ชม. 

คุณหมอใหญ่ทราบว่าสาเหตุที่แท้จริงมันคืออาการไตวายอย่างฉับพลันและ พิษของเห็ดได้เข้าไปกระจายตามเม็ดเลือดและเข้าไปทำลายระบบการทำงานของไตและเชื้อพิษกำลังจะแพร่กระจายไปสู่ระบบส่วนต่างๆร่างกาย  





สารพิษของเห็ดที่มาทำลายไตคือ สารพิษของเห็ดแชมปิญองป่า( Slørsopp ) งงค่ะ มันมาได้ไง เพราะเราไม่ได้ไปเก็บเห็ดนั้นเลยไม่เคยแตะเห็ดนั้นเลยด้วยซ้ำ !!!!      หมอสั่งผ่าตัดด่วนเพื่อที่จะฟอกเลือดและล้างไตทันที แต่อาการผ่าตัดในครั้งแรกไม่สำเร็จและไม่ตรงจุดเพราะเครื่องไม่สามารถทำงานได้ สาเหตุมาจากอาการบวมน้ำมากของร่างกายเลยทำให้หาจุดที่จะใส่เครื่องฟอกไตได้ยาก และได้ทำการผ่าตัดเป็นครั้งที่ 2 ในเวลาวันเดียวกันและติดต่อนานที่สุด....



ชีวิตช่วงระหว่างความเป็นความตาย เราคิดอะไรอยู่
คิดกับตัวเองว่าเรายังตายไม่ได้นะ ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เรายังไม่ทำเลย บุญคุณของพ่อแม่ก็ยังไม่ได้ตอบแทนเลยจะตายไปได้อย่างไรถ้าเรามีบุญหรือบาปที่ยังไม่ใช้ก็ขอให้ได้ใช้ก่อนเถอะ ก่อนที่จะตายจริงๆ..

สภาพร่างกายและจิตใจของเราในช่วงที่รอเปลี่ยนไต 
ในช่วงของการเข้ารับรักษาพยาบาลตัวใน 6 เดือนแรกต้องฟอกไตและฟอกเลือดทุกวัน รับสภาพตัวเองไม่ได้เหนื่อยเหมือนใจจะขาด 

สภาพร่างกายและจิตใจแย่สุดๆ คือผอมมากน้ำหนักตอนนั้น 45 กก. และตัวซีดเหลืองและดำ ผมเริ่มร่วงมากจนไม่กล้าหวีผมตัวเองเพราะมันหลุดร่วงออกมากับมือที่เราสางผม 

..กล้ามเนื้อทุกส่วนเริ่มลีบลงและไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทรงตัวยืนได้นานๆเหมือนเมื่อก่อน เป็นโรคเครียดและซึมเศร้าอย่างหนัก ต้องใช้ยานอนหลับ และยาประเภทคลายความเครียดและกล้ามเนื้อ

..หลังจาก 6 เดือนแรกผ่านไป อาการไม่ดีขึ้นเลย เราเลยขอคุยกับคุณหมอที่ดูแลว่ามีวิธีอื่นอีกมั๊ยนอกเหนือจากการทานยาอย่างเดียว ที่พอจะช่วยให้อาการของเราดีขึ้น คุณหมอบอกว่ามี ถ้าคุณทำได้มันจะเป็นผลดีกับร่างกายและสุขภาพในอนาคตของเราด้วย

..กานต์ตกลงทำตามที่คุณหมอแนะนำมาทุกอย่าง เริ่มจากการเข้าอบรมและการดูแลรักษาตนเองของคนป่วยไตวายที่ทางโรงพยาบาลจัดขึ้นเพื่อผู้ป่วยโดยตรงและเฉพาะโรคนั้นๆ 

...เริ่มจากการจัดตางรางการทานอาหารและออกกำลังกายของคนป่วยที่เป็นโรคไต คือการเดินเป็นวิธีที่ดีที่สุด วันแรกเดินได้แค่ 5นาที รู้สึกเหนื่อยมากและเจ็บหน้าอกหายใจไม่ออก แต่ก็พยายามเดินให้ได้มากที่สุด จาก 5,10,15,20,30 นาที ทุกวัน  และปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตตัวเองใหม่ ที่เป็นคนป่วยแค่กายแต่จิตใจเราไม่ป่วย  ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นและเรียนรู้ที่จะอยู่กับโรคที่เราเป็นอย่างมีความสุข



ทานอาหารประเภทไหนได้และไม่ได้บ้างคะ
อาหารที่ทานและดื่มได้คือ ประเภทอาหารแห้ง ไม่มีน้ำและไม่มีส่วนผลมของเกลือ -น้ำปลา ขนมปังกรอบที่ไม่มีส่วนผสมของนม

 เนื้อสัตว์จะต้องปรุงสุกโดยผ่านการต้มที่เป็นเนื้อสัตว์สีขาว คือปลา เนื้ออกไก่สีขาว ผลไม้ที่ทานได้ แอปเปิ้ล ลูกแพร  นมถั่วเหลืองในปริมาณที่กำหนด 1 แก้วต่อวัน  ชาเขียว น้ำดื่มได้ 1ลิตร/วัน +กับอาหารที่มีน้ำด้วยในร่างกายรวมกันแล้วให้ได้ 1 ลิตร/วัน ไม่เช่นนั้นจะมีอาการบวมน้ำและเสี่ยงต่อการมีน้ำในปอดเป็นอันตรายต่อร่างกายและระบบหัวใจ

อาหารที่ทานไม่ได้และห้ามเข็ดขาดคือ
อาหารที่มีรสจัด,เค็ม,เผ็ด,เปรี้ยว, ชูรสและสารปรุงแต่งรสชาดทุกชนิดห้าม,เพราะจะทำให้เกิดอาการตัวบวมน้ำและทำให้ทำงานหนักมากขึ้นกว่าเดิม

อาหารเนื้อดิบทุกชนิดห้ามทานไปตลอดชีวิต  อาหารที่ส่วนผสมของนมทุกชนิดห้ามทาน(อาจจะทานได้ในปริมาณที่กำหนดไว้และถ้าทานแล้วจะต้องทานยามากกว่าเดิมเราเลยเลือกที่จะไม่ทานดีกว่า) นม ,กาแฟ, เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด ช็อคโกแล็ตทุกชนิด ผักสีเขียวทุกชนิดห้าม  ผลไม้ที่ทานไม่ได้แทบจะทุกอย่างเลย  มี กล้วย ส้ม ฝรั่ง ส้มโอ มะเฟือง องุ่น ลูกพลับ แตงโม แคนตาลูบ สับปะรด ....

จากที่ทานอาหารและเครื่องดื่มต่างๆไม่ได้ตามที่ร่างกายต้องจึงไปขอคำแนะนำและปรึกษาจากนักโภชนาการที่เกี่ยวกับคนป่วยโรคไต และคำนำว่าควรที่จะดื่มเครื่องดื่มโปรตีนสำหรับคนป่วยโรคไตเพราะมีสารที่ร่างกายต้องการอย่างพอเหมาะ/วัน

.. เราทำการจดบันทึกรายละเอียดทุกอย่างที่การทานอะไรเข้าไปบ้างของเเต่ละวันเพื่อง่ายต่อการวินิจฉัยโรคและการรักษาของแพทย์ที่ถูกต้องและง่ายขึ้น.





หลังจากที่ได้รับการเปลี่ยนไตใหม่ และดูแลสุขภาพยังไง ต้องระวังตรงไหนบ้าง
ในช่วง 4 เดือนแรกหลังจากที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนไตใหม่แล้ว ได้อยู่ในความดูแลของคุณหมอและคุณพยาบาลพร้อมทั้งการกายภาพบำบัดจากผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิดที่ Oslo universitetssykehus   และได้กลับอยู่ที่บ้านและใช้ชีวิตได้เหมือนผู้อื่นได้ตามปกติค่ะ และพบแพทย์ทุก 2 อาทิตย์

ข้อที่จะต้องระวังคือ การทานอาหารห้ามทานอาหารรสจัด รสเค็ม รสหวาน และเนื้อสัตว์ที่ดิบ และห้ามทานผลไม้ตระกลู เกรปฟรุต  คือ ส้มเช้ง ส้มเลือด ส้มโอ มะเฟือง เสาวรส นากจากนั้นทานได้หมดทุกอย่างค่ะ

จะเป็นคนที่ทานอาหารประเภทเพื่อสุขภาพ ดื่มน้ำเยอะๆ ทำน้ำผักผลไม้ดื่มเอง
และการออกกำลังกายที่ต้องห้ามคือมีการไปกดหรือกระแทกตรงที่ไตใหม่อยู่  เช่น การต่อยมวย เทควันโด เป็นต้น กีฬาอย่างอื่นเล่นได้แต่จะต้องไม่อยู่ในการเสี่ยงต่อการกระทบกระแทกอย่างรุ่นแรงค่ะ.. ที่ชอบและรักมากคือการออกกำลังบำบัดโรคต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวเองคือการฝึกโยคะ วิ่งจ๊อกกี้ง เวทเทรนนิ่ง ว่ายน้ำ ..


เวลาเหนื่อย เวลาท้อ บอกกับตัวเองยังไงคะ ? 
ตราบใดที่ตัวเราไม่สิ้นลมหายใจก็ยังมีความหวังอยู่เสมอ, ศรัทธาและเชื่อมั่นในความดีว่าเราทำดีจะต้องได้ดี!!!

ชอบอ่านหนังสือประเภทไหน
ชอบอ่านหนังสือธรรมะแนวปฏิบัติวิปัสนาและคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หนังสือที่เกี่ยวกับการบำบัดจิตใจและร่างกายโดยธรรมชาติ การออกกำลังต่างๆและการฝึกเล่นโยคะ การทำอาหาร ทำขนม

เวลาอ่านหนังสือเริ่มอ่านหน้าไหนของหนังสือ คำนำ และสารบัญ

อะไรคือการพักผ่อนของสงกรานต์ ?  การนั่งสมาธิค่ะ เพราะทุกอย่างหยุดที่ลมหายใจ ร่างกายและจิตใจของเรา..


ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมามีผู้คนใหม่ๆเข้ามาในกี่คน ที่ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ
ได้พบเจอกับเพื่อนกัลยาณมิตรที่ดี และเจอเพื่อนที่เข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์จากเรา และเราก็ขอบคุณทุกคนที่ทำให้เราได้เรียนรู้จากผู้คนเหล่านั้น ทุกคนล้วนก็มีผลเหตุที่แตกต่างกันไปตามวิถีชีวิตของเค้าต่างๆกันไป และก็ได้เห็นได้รู้เรียนกับสิ่งที่เราไม่เคยรู้และไม่เคยเจอกับเหตุการณ์นั้นๆเหมือนกับบุลคลนั้น..ทุกคนที่เข้ามาในชีวิตของเราเขาเป็นครูและเป็นกระจกบานใหญ่ที่ทำให้เราได้ปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น...

Hobby กิจกรรมพิเศษ  ทำสวน ปลูกต้นไม้ดอกไม้ ผักสวนครัว ช่วยเหลือองค์กรต่างๆ เช่น เด็กเล็กเยาวชนและสตรี กิจกรรมของสถานที่วัดต่างๆ..




My Idol ไม่ค่อยจะมีไอดอลในดวงใจซะเท่าไรนะคะ แต่จะชื่นชมและประทับใจกับบุคคลที่ทำความดีงามและเสียสละตนเพื่อผู้อื่นโดยไม่หวังผลประโยชน์อันนี้จะฝังลึกเข้าไปหัวใจของเราเลยค่ะ .. อย่างเช่น คุณพี่ชุณห์ ลีลา , น้องจี กนกนภัส ,คุณอาร์ม ปัญญา

Don’t อะไรที่เราบอกกับตัวเองว่า  ฉันไม่จะทำมันอีกแล้ว 
ฉันจะไม่ทานเห็ดที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบและถูกต้องของกรมอนามัยอาหาร ไม่คบคนพาล  ละเว้นจากการไม่ทำบาป ไม่เบียดเบียนตัวเองและผู้อื่น 

อะไรที่อยากทำแต่ยังไม่ได้ทำในตอนนี้
เล่นสกี พายเรือล่องแก่ง เล่นเซิร์ฟโต้คลื่นที่ Surf At Pipeline  Oahu, Hawaii

คำถามที่ถามตัวเองบ่อยๆ 
เกิดมาเพื่อทำอะไร...ทำอะไรเพื่อตัวเองและส่วนรวมบ้าง...อยู่เพื่อใคร...เพราะอะไร

อยากฝากถึงผู้อ่านทุกท่านว่า  
มีความศรัทธาและเชื่อมั่นในตัวเอง มีสติและวินัยในการดำเนินชีวิต อย่าประมาทเพราะคุณอาจจะไม่มีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นครั้งที่ 2 อีก ..ชีวิตหนึ่งมันสั้นมาก รู้จักที่จะรักตัวเองให้เป็นก่อน,ก่อนที่จะไปรักผู้อื่น และทุกคนที่อยู่ข้างคุณเขาจะรักและเมตตาเราเอง ...ที่สำคัญ อย่าเบียดเบียนตัวเองและผู้อื่น.




อยากฟังเรื่องราวของคนต่อไปคือ คุณพี่ ชุณห์ ลีลา และ คุณอาร์ม ปัญญาค่ะ 
เรายินดีจัดให้นะคะ ขอคิวคุณอาร์มไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ  ส่วนคุณลีลา ดราม่าเธอเยอะ จะทยอยลงเป็นตอนๆ ไปนะคะ